ปัจจุบันคนไทย มีแนวโน้มพบอาการ ดื้อโบ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ คือ เมื่อฉีดแล้ว เริ่มไม่เห็นผล อยู่ได้ไม่นาน ภาวะนี้เกิดจากการที่ร่างกายสร้าง Anti-Body หรือภูมิคุ้มกันขึ้นมาต่อต้านโบที่ฉีดเข้าไป ซึ่งหากเกิดแล้ว จะไม่สามารถรักษาได้ แต่เราป้องกันไม่ให้เกิดได้ค่ะ
คุณหมอสรุปให้สั้นๆ
- ภาวะดื้อโบ เกิดจาก 3 ปัจจัยหลัก
1. ฉีดโบถี่เกินไป / 2. ฉีดโบไม่มีคุณภาพ / 3. ฉีดโบปริมาณมากเกินไป - หากเกิดแล้วจะไม่สามารถรักษาได้ เพราะเป็นกลไกที่ร่างกายสร้าง Anti-Body ขึ้นมาต่อต้านโบที่ฉีดเข้าไป ต้องรอให้ระดับภูมิคุ้มกันลดลง อาจใช้เวลาหลายปี
- ก่อนฉีดโบทุกครั้ง ควรพิจารณาคลินิกที่น่าเชื่อถือ แพทย์มีประสบการณ์ มีการอธิบายก่อนการรักษาที่ชัดเจน และควรใช้โบที่คุณภาพสูง อย่าดูที่ราคาเพียงอย่างเดียว
อาการ ดื้อโบ คืออะไร?
คือ การที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาต่อต้านโบที่ฉีดเข้าไป ทำให้ฉีดแล้วไม่เห็นผล ริ้วรอยไม่ลดลง กรามไม่เล็กลง หรืออยู่ได้ไม่นาน
ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาอาการดื้อโบได้ แต่สามารถป้องกันก่อนจะเกิดได้
สาเหตุของอาการดื้อโบ
ปัจจัยหลักประกอบด้วย 3 อย่าง ได้แก่
1.ฉีดโบ ถี่เกินไป
การฉีดโบ ควรเว้นห่าง 4-6 เดือน หรือประมาณ ปีละไม่เกิน 2 ครั้ง เพื่อเว้นช่วง ให้ร่างกายไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาป้องกันโบที่ฉีดเข้าไปได้
2.ฉีดโบ ไม่มีคุณภาพ
โบปลอม โบที่มีสารปนเปื่อน หรือโบที่จัดเก็บไม่ถูกวิธี ไม่สามารถควบคุมคุณภาพได้ ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพยา
3.ฉีดโบ ปริมาณ มากเกินไป
การฉีดโบ ควรฉีดในปริมาณที่เหมาะสมต่อจุด ซึ่งแพทย์ที่มีประสบการณ์จะทราบ และมีการคำนวณปริมาณยาให้ออกฤทธิ์ได้พอดีในแต่ละเคส
ดังนั้น จึงควรฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ และคลินิกที่น่าเชื่อถือ ใช้ยาแท้เท่านั้น
การป้องกันอาการดื้อโบ
- ควรเว้นห่างอย่างน้อย 4-6 เดือน ต่อครั้ง หรือไม่เกินปีละ 2 ครั้ง
- ควรเลือกโบที่มีความบริสุทธิ์ของตัวยาสูง และไม่ควรสลับยี่ห้อไปมา
- เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการพิจารณาปริมาณยาในแต่ละบริเวณ
- เลือกคลินิก หรือสถานพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือ ได้มาตรฐาน สามารถตรวจสอบกับบริษัทยาได้ อย่าดูที่ราคาเพียงอย่างเดียว
การฉีดโบ นั้นมีความปลอดภัยสูง หากฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ และคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ ที่สำคัญคือ ต้องแกะกล่อง ผสมยาให้คนไข้เห็นต่อหน้า เพื่อความปลอดภัย ของผู้รับบริการทุกคนนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจากโรงพยาบาลศิริราช https://www.si.mahidol.ac.th/