ใต้ตาคล้ำ และร่องใต้ตา อาจทำให้ใบหน้าของเราดูโทรมลง ดูเหนื่อยตลอดเวลา จริงๆ ทั้ง 2 อย่างนี้มีความแตกต่างกัน ทั้งสาเหตุ และวิธีการรักษา เราสามารถป้องกัน และแก้ไขเพื่อชะลอความเสื่อมให้กับใบหน้าของเราได้
ใต้ตาคล้ำ เกิดจากอะไร?
ปัญหาใต้ตาดูคล้ำ ดำ มักเกิดในผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ พบได้บ่อยกว่าวัยรุ่น เนื่องจากโครงสร้างใบหน้าที่เปลี่ยนไปตามวัย ส่งผลให้คอลลาเจน และไขมันใต้ผิวบางลง บวกกับผิวเริ่มมีความหย่อนคล้อย จึงอาจทำให้เกิดเป็นถุงบริเวณใต้ตา
การเสื่อมของชั้น Fat ใต้ผิวไปตามวัย
1. อายุที่มากขึ้น ไปตามวัย
เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังรอบดวงตาจะบางลง และหย่อนคล้อย ทำให้กระดูกโหนกแก้ม และกระดูกเบ้าตานูนออกมามากขึ้น ส่งผลให้เกิดร่องใต้ตา หรือเป็นลักษณะของถุงใต้ตา
2. กรรมพันธุ์
ร่องใต้ตาอาจเกิดจากกรรมพันธุ์ของครอบครัว บางคนอาจเกิดมามีร่องใต้ตา หรือมีโครงสร้างเบ้าตาที่ลึกอยู่แล้ว
3. การแพ้ / ภูมิแพ้
การแพ้อากาศ ฝุ่น หรือสารเคมีต่าง ๆ อาจทำให้ผิวรอบดวงตาบวมน้ำ และแดงระคายเคือง จากการที่เลือดคั่งอยู่บริเวณผิวใต้ตา ส่งผลให้ร่องใต้ตาดูชัดเจนขึ้น
4. พักผ่อนไม่เพียงพอ
การพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้ผิวรอบดวงตาหมองคล้ำ และบวมน้ำ ส่งผลให้ร่องใต้ตาดูชัดเจนขึ้น
การพักผ่อนไม่เพียงพอ จะส่งผลต่อความเครียด ทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมน ที่กระตุ้นการสร้างเมลานิน (เม็ดสี) มากขึ้น จึงส่งผลให้ผิวคล้ำเสีย รวมถึงผิวบริเวณรอบตา
ใต้ตาคล้ำ กับ ร่องใต้ตาลึก ต่างกันอย่างไร?
- ใต้ตาคล้ำ มักใช้เรียกสีของผิวบริเวณใต้ตา ที่มีความเข้มมากกว่าปกติ ซึ่งอาจเกิดได้จากเม็ดสีบริเวณใต้ตา ภูมิแพ้ และการขยี้ตาบ่อยๆ
- ส่วนร่องใต้ตาลึก จะเป็นลักษณะของการ เว้า หรือผิวบริเวณนั้นมีการยุบตัวลง อาจเกิดจากโครงสร้างใบหน้าแต่กำเนิด หรือการเสื่อมของผิวตามวัย มีผลให้ชั้นผิวเปลี่ยนแปลงไป
หากใต้ตา มีสีคล้ำ แต่ไม่ได้เป็นร่องลึกลงไป แสดงว่าเป็นปัญหาที่ผิวส่วนบน แต่หากเป็นร่องลึก มีความเว้า หรือเกิดเป็นถุงใต้ตา ลักษณะนี้ มักเกิดจากโครงสร้างใบหน้าที่เปลี่ยนไปตามวัย
2 อย่างนี้มีแนวทางแก้ไขที่แตกต่างกันค่ะ
4 วิธีแก้ใต้ตาคล้ำ
1. หมั่นดูแลตัวเอง พักผ่อนให้เพียงพอ
เพราะจุดเริ่มต้นความเสื่อมของผิว หรือผิวแก่ก่อนวัย มาจากความเครียด ขาดการนอนหลับที่ดี รวมถึงอาหารที่รับประทาน ดื่มน้ำให้เพียงพอ และการออกกำลังกาย
เชื่อว่าเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้ดี แต่อาจจะทำให้ต่อเนื่องได้ยาก ดังนั้น การปรับพฤติกรรมในแต่ละวัน โดยไม่รบกวนการใช้ชีวิตให้เหมาะกับตัวเรา และสามารถทำได้อย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อการบำรุงผิวรอบดวงตาโดยเฉพาะ
2. ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลรอบดวงตา
เช่นผลิตภัณฑ์ครีม หรือมาร์สในกลุ่ม ว่านหางจระเข้ วิตามินซี เรตินอล ในกลุ่ม Whitening โดยต้องเลือกสำหรับใช้รอบดวงตาเท่านั้น เพราะผิวรอบดวงตามีความบอบบางมากกว่าบริเวณอื่นๆ
ทั้งนี้ การเลือกใช้ครีมบำรุงใดๆ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรอง อย. มีความน่าเชื่อถือ เพราะการใช้ครีมที่ไม่รู้ที่มา อาจแฝงมาด้วยสารประกอบที่อันตรายต่อผิว ส่งผลให้ใต้ตาคล้ำ ผิวเสียยิ่งกว่าเดิม
3. ประคบเย็น
ที่เราเคยเห็นกันบ่อยๆ เช่น แตงกวา มะเขือเทศ ให้นำไปแช่เย็น นำมาฝานเป็นแผ่นบางๆ ประคบบริเวณรอบดวงตา จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้หลอดเลือดหดตัว ช่วยบรรเทาอาการตาคล้ำ ใต้ตาดูล้าลงได้
เพื่อความสะดวก เราอาจหาเป็นแผ่นเจลเย็นสำหรับปิดตาแทน ซึ่งสามารถทำได้ทุกวันเช่นกัน
ให้เลือกตามสีผิวของเรา จะช่วยให้ปกปิดเนียน เป็นธรรมชาติ
4. การแต่งหน้าปกปิด
โดยการใช้ คอนซีลเลอร์ ช่วยปกติรอยคล้ำใต้ตา เลือกให้สีเหมาะกับเรา ก่อนตามด้วยแป้งให้เรียบเนียน เป็นวิธีเร่งด่วน เสริมความมั่นใจในตอนที่ต้องพบปะผู้คนในยามจำเป็น
แก้ใต้ตาคล้ำ ร่องใต้ตาด้วยฟิลเลอร์ เห็นผลทันที ไม่ต้องพักฟื้น
การรักษาใต้ตาคล้ำ ร่องใต้ตาด้วยฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ เป็นการฉีดสารน้ำขึ้นรูปไว้ใต้ผิว เพื่อทดแทนโครงสร้างที่หายไป และเนื่องจากฟิลเลอร์เป็น HA จึงช่วยให้ผิวบริเวณนั้นมีความชุ่มชื้น สุขภาพดีมากยิ่งขึ้นด้วย
ปัจจุบันการรักษาใต้ตาคล้ำ หรือร่องใต้ตาด้วยฟิลเลอร์ เป็นวิธีที่ตรงจุดที่สุด และเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีมากที่สุด โดยที่คนไข้ไม่ต้องพักฟื้น สามารถแต่งหน้าใช้ชีวิตได้ตามปกติ
เทียบการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ระหว่างด้านที่ทำแล้ว และยังไม่ได้ทำ
ดูวิธีการรักษาใต้ตาคล้ำ ด้วยฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นวิธีแก้ปัญหาใต้ตาที่ตรงจุด และเห็นผลได้ทันที
หลังการรักษาใต้ตาทันที
สรุปวิธีการดูแล ใต้ตาคล้ำ ร่องใต้ตา
ใต้ตาคล้ำ อาจทำให้ใบหน้าเราดูเหนื่อย ไม่สดใส หากการดูแลด้วยตัวเอง ไม่สามารถช่วยได้ หรือไม่ทันใจ เราสามารถใช้ฟิลเลอร์แก้ปัญหาได้ และยังช่วยให้ริ้วรอยเล็กๆ ลดลง เห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันที ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น จึงเป็นที่นิยมกันมากที่สุดในปัจจุบัน
