RADIESSE® ผิวเด็กอิ่มฟูในครั้งเดียว
One of a Kind RegenerativeBiostimulator
Radiesse (เรเดียส) คือ การฉีดผิวด้วยสารเต็มเติม ที่มี CaHA: Calcium Hydroxylapatite microsphere (แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทด์) เป็นสารสำคัญในการกระตุ้นให้เกิดการสร้างใหม่ของคอลลเจน ผสานกับ Filler มีส่วนประกอบหลักเป็น HA หรือ Hyaluronic acid
การฉีด Radiesse มีจุดเด่นในการเติมเต็มผิว ช่วยเติมส่วนที่ขาดหาย ไปพร้อมกับการกระตุ้นให้เกิดการผลิตคอลลาเจนตามธรรมชาติ เมื่อทั้ง 2 อย่างมีการทำงานร่วมกัน จึงช่วยให้ผิวดูเด็กลงอย่างยาวนาน
RADIESSE แตกต่างอย่างไร?
Radiesse เป็น 1 ในกลุ่มของ Collagen Biostimulator จุดเด่นของ Radiesse คือ การกระตุ้นคอลลาเจน โดยไม่เกิดการอักเสบ และอยู่ใน 2 ปีในการทำเพียงครั้งเดียว เพราะสาร CaHa (แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทด์) เป็นส่วนประกอบในร่างกายอยู่แล้ว ไม่ใช่สารแปลกปลอม
จึงไม่กระตุ้นการทำงานของ Antibody ให้จับสิ่งแปลกปลอม จนทำให้เกิดการอักเสบขึ้นในกระบวนการสร้างคอลลาเจน
CaHA (Calcium Hydroxylapatite)
CaHA ใน Radiesse เป็น Biostimulator ที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นให้ผิวเกิดการสร้างคอลลาเจนด้วยตัวเอง พบในร่างกายของคนเรา ไม่ใช่สิ่งแปลกปลอม สามารถสลายได้ตามธรรมชาติ จึงมีความปลอดภัยในการใช้
ในปัจจุบันมี biostimulator ที่นิยมหลายตัว เช่น PLLA(SculptraⓇ) , PDO (UltracolⓇ) , PDLLA(JuvelookⓇ), PCL(GouriⓇ) และ Calcium Hydroxyapatite (CrystalysⓇ) ซึ่งข้อดี ข้อเสีย และการฉีดของแต่ละตัวก็จะแตกต่างกันไป
RADIESSE ช่วยให้ดูเด็กได้อย่างไร?
เมื่อเราฉีด Radiesse เข้าสู่ชั้นผิว เจลจะเข้าไปเติมเต็มร่องลึกต่างๆ และอนุภาคของ CaHA จะทำให้เกิดกระบวนการ Extracellular Matrix จากการรวมตัวของ Fibroblasts ให้มากขึ้น
หรือพูดง่ายๆ คือ จะช่วยสร้างภาพแวดล้อมให้เซลล์ Fibroblast สร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมาทดแทน นอกจากนี้ Radiesse ยังช่วยให้ผิวโดยรวมดูดีขึ้น เพิ่มความยืดหยุ่น เสริมความแน่นกระชับ ชุ่มชื้นอิ่มน้ำ จากการเติมสารอาหารให้ผิวอ่อนเยาว์ไปพร้อมกัน
ผิวสุขภาพดี 5 ประการ
จากงานวิจัยการฉีด Radiesse ช่วยให้ผิวสุขภาพดี 5 ประการ
- เพิ่ม Fibroblasts กระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่
- เพิ่ม คอลลาเจนชนิดที่ 1 และ 3 (Collagen Type 1&3)
- เพิ่ม อีลาสติน (Elastin) ให้ผิวยืดหยุ่น
- เพิ่ม โปรตีโอไกลแคน (Proteoglycans) สารอาหารผิวอิ่มน้ำ
- เพิ่ม การสร้างเส้นเลือดใหม่ (Angiogenesis) เสริมการไหลเวียนให้ผิวสุขภาพดี
RADIESSE ราคาเท่าไหร่?
การฉีด Radiesse 1 กล่อง (1.5 cc) มีราคาประมาณ 2x,xxx – 3x,xxx บาท แม้จะสูงกว่าการฉีดฟิลเลอร์ หรือฉีดผิวปกติ แต่มีความคุ้มค่าจากผลที่คงอยู่ได้กว่า 1-2 ปี รวมถึงผลของการกระตุ้นคอลลาเจนระยะยาว ไม่จำเป็นต้องมาทำซ้ำบ่อย
คุณหมอฉีด Radiesse ให้ดู
เปรียบเทียบ SkinBooster ที่นิยมในปัจจุบัน
Radiesse อยู่ในกลุ่มการย้อนวัยผิว โดยเน้นการกระตุ้นคอลลาเจน และเติมเต็มโครงสร้างผิว
หลังฉีดเห็นผลเมื่อไหร่
1.ผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันที
จะเห็นความกระชับ ผิวยกตัวขึ้น ร่องลึก ริ้วรอยต่างๆ ดูตื้นขึ้น และจางลง
2.ผลลัพธ์ระยะยาว
ประมาณ 3-4 สัปดาห์หลังฉีด สาร CaHA จะออกฤทธิ์กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ เสริมความแข็งแรงให้ผิวบริเวณที่ฉีด มีความกระชับ ยืดหยุ่นได้ดียิ่งขึ้น และอยู่ยาวนานกว่า 1 ปี
RADIESSE เหมาะกับใครบ้าง?
1.ผู้ที่มีอายุมากกว่า 30 ปี ขึ้นไป
เมื่ออายุประมาณ 30 คอลลาเจนใต้ผิวจะเริ่มลดลง ส่งผลให้ผิวมีความหย่อนคล้อยตามวัย การฉีด Radiesse จะช่วยย้อนความอ่อนเยาว์ให้ผิว สำหรับผู้ที่ยังอายุไม่ถึง 30 จะช่วยชะลอ และป้องกันให้ผิวเสื่อมช้าลง
2.ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
การฉีด Radiesse จะช่วยเรื่องคุณภาพผิว ช่วยให้ผิวเฟิร์ม กระชับขึ้นพร้อมกับการเติมผิวให้อิ่มฟู และช่วยลดริ้วรอยต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามวัย
3.ผู้ที่ต้องการผลการรักษาทันที อยู่ได้นาน
การฉีด Radiesse เพียง 1 ครั้ง มีงานวิจัยว่าสามารถคงอยู่ได้กว่า 1 ปี หากดูผิวดีสามารถอยู่ได้ถึง 2 ปี
ลำดับขั้นตอนการฉีด RADIESSE
1. ตรวจสภาพผิวกับแพทย์
ประเมินความเหมาะสม ความหนา ความยืดหยุ่นของผิวปัจจุบัน หากมีการรับประทานยา อาหารเสริม หรือโรคประจำตัวควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทำการรักษา
2. เตรียมตัวก่อนฉีด
ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำให้มากๆ งดยาบางชนิด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนฉีด
3. ฉีด Radiesse
ใช้เวลาแปะยาชาประมาณ 45 นาที การฉีดจะวางยาใต้ผิวทีละน้อย ทั่วบริเวณแก้ม 2 ข้าง (หรือบริเวณที่ต้องการ) ระหว่างฉีดอาจรู้สึกเจ็บ หรือแสบเล็กน้อย
4. การดูแลหลังฉีด Radiesse
หลังฉีดคนไข้อาจรู้สึกบวมแดง หรือมีรอยแดงบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะหายไปเองใน 2-3 ชม. ไม่เกิน 1-2 วัน ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถแต่งหน้าใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติค่ะ
สรุป คำแนะนำการฉีด RADIESSE
Radiesse เป็นการฉีดเพื่อกระตุ้นคอลลาเจน พร้อมการเติมให้ผิวอิ่มฟู จะเหมาะกับผิวของผู้ที่มีอายุมากกว่า 30 ปี ขึ้นไป โดยสามารถฉีดได้ตั้งแต่ใบหน้า และบริเวณหลังฝ่ามือ บริเวณที่ไม่แนะนำให้ฉีดคือ ริมฝีปาก
เนื่องจาก Radiesse เป็นฟิลเลอร์ชนิดหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงในการเข้าเส้นเลือด เช่นเดียวกับการฉีดฟิลเลอร์ปกติ ดังนั้น จึงควรพิจารณาเลือกฉีดกับแพทย์ที่เชี่ยวชาญ และคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ เพื่อความปลอดภัยของผู้รับบริการทุกท่านค่ะ
Q & A คำถามเกี่ยวกับ Radiesse
Radiesse มีความปลอดภัยแค่ไหน?
Radiesse® เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยผ่านงานวิจัยกว่า 245 ฉบับ ทั้งยังเป็นสารเติมเต็มใบหน้าตัวแรกที่ได้รับการรับรองจาก US FDA ว่าโดดเด่นด้านการฟื้นฟูผิวมือร่วมด้วย
Radiesse อยู่ได้นานแค่ไหน?
การคงสภาพของผลลัพธ์แปรผันตามอายุ ประเภทผิว ไลฟ์สไตล์ เมตาบอลิซึมในร่างกาย และบริเวณที่ได้รับการรักษา แต่โดยทั่วไปแล้ว Radiesse® สามารถคงสภาพผลลัพธ์ได้นานถึง 2 ปี
ดูแลหลังฉีด Radiesse อย่างไร?
หลังฉีดอาจมีอาการแดง บวม หรือคันยิบๆ โดยจะหายได้เองไม่กี่ชม. หรือไม่เกิน 2-3 วันหลังฉีด เบื้องต้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ หรือความร้อน งดการกดทับบริเวณที่ฉีด ดื่มน้ำให้เพียงพอ กลับมาพบแพทย์ตามที่ Follow up ใน 1 สัปดาห์
ข้อควรระวังการฉีด Radiesse
การฉีด Radiesse® เหมาะกับตำแหน่งบริเวณผิวหน้า ผิวหลังฝ่ามือ ไม่ควรใช้ในบริเวณอื่น ควรอยู่ภายใต้การดูแลจากแพทย์ผิวหนังชำนาญการด้านการใช้ผลิตภัณฑ์
Review โดนใจ
@drniche
กดปรึกษาคุณหมอได้เลย!
เบอร์ติดต่อ
065 689 5822
WRITTEN BY
พญ.ณิชกุล แก้วกิตติคุณ (หมอนิว)
M.D. Faculty of Medicine, Mahidol University,
MSc. Clinical Dermatology, St. John Institute of Dermatology,
King’s College London
รู้จักคุณหมอเพิ่มเติม
เผื่อคุณพลาดอะไรไป
วิธีเลือกทรงฟิลเลอร์ปาก ให้เหมาะกับเรา (ดูรูป)
ทรงฟิลเลอร์ปากที่เหมาะกับเรา ทั้งทรง Classy / Sexy / Cherry นอกจากดูเรื่องรูปทรงแล้ว มีรายละเอียดอะไรที่ควรรู้อีกบ้าง คุณหมอจะมาแนะนำให้บทความนี้ค่ะ
ระหว่าง Ulthera กับ Thermage เลือกอะไรดี? ต่างกันยังไง?
Ulthera กับ Thermage มีความแตกต่างของหลักการทำงาน ลักษณะผิว และรูปหน้าที่เหมาะสม บทความนี้จะมาลงรายละเอียดให้เข้าใจ เพื่อให้เลือกการรักษาที่ตอบโจทย์ ได้คุ้มค่าสูงสุดค่ะ
เผย 7 วิธียกกระชับหน้า ดูอ่อนกว่าวัย ใครก็ทักอายุไม่ถูก!
การยกกระชับหน้า เป็น 1 ในศาสตร์ย้อนวัยผิว ที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน ด้วยตัวช่วยของเทคโนโลยีทางการแพทย์ อาจเป็นทางเลือกที่ทำให้เราดูอ่อนกว่าวัย หรือดูดีสมวัยได้มากที่สุด ในบทความนี้ คุณหมอจะมาแนะนำวิธีที่เหมาะกับปัญหาของเราค่ะ