สิวเรื้อรัง หรือสิวที่รักษาไม่หาย มักเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยสำหรับคนที่รักษาสิวอยู่เป็นประจำ สาเหตุส่วนหนึ่งอาจมาจากการรักษาที่ผิดวิธี แล้วเราควรรักษาสิวอย่างไรให้หายขาดได้ในระยะยาว บทความนี้คุณหมอมีคำตอบค่ะ
สิวเรื้อรัง (Chronic Acne) คืออะไร?
สิวเรื้อรัง หมายถึง สิวที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ไม่หายขาดง่ายๆ และมักทิ้งรอยแดง รอยดำ หรือรอยแผลเป็นไว้บนใบหน้า ผู้ที่เป็นสิวในวัยผู้ใหญ่ โดยมากมักเป็นสิวเรื้อรังมาตั้งแต่ในช่วงวัย 25-30 ปี อาจมีลักษณะเป็นสิวอักเสบ สิวอุดตัน หรือรอยสิว โดยทั่วไป ถือว่าเป็นสิวเรื้อรังเมื่อมีอาการนานกว่า 6 สัปดาห์ หรือเป็นๆ หายๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
สาเหตุของสิวเรื้อรัง
สิวเรื้อรังที่รักษาไม่หาย อาจเกิดจากปัจจัยหลายอย่างร่วมกัน เช่น
- กรรมพันธุ์ หากมีประวัติครอบครัวเป็นสิว มีแนวโน้มที่จะเป็นสิวเรื้อรังมากกว่าคนทั่วไป
- ฮอร์โมน ความแปรปรวนของฮอร์โมน เช่น ในช่วงวัยรุ่น ช่วงมีประจำเดือน หรือตั้งครรภ์ เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดสิวได้
- การดูแลผิวไม่ถูกวิธี เช่น การล้างหน้าบ่อยเกินไป ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคือง หรือแต่งหน้าหนาๆ
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น ความเครียด การนอนหลับไม่เพียงพอ การรับประทานอาหารบางชนิด
- ยาบางชนิด เช่น ยาสเตียรอยด์ ยาคุมกำเนิด
- โรคบางชนิด เช่น โรค PCOS (Polycystic Ovary Syndrome)
กดฉีด ฉีดสิว ทำให้เกิดสิวเรื้อรังได้
หลายคนที่เคยรักษาสิว มักเคยผ่านการ กดสิว และฉีดสิวอยู่เป็นประจำ วิธีเหล่านี้เป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ หากไม่มีการแก้ไข หรือป้องกันไม่ให้เกิดสิวจากต้นเหตุ อาจนำไปสู่ปัญหาสิวเรื้อรังได้
-
การกดสิวบ่อยเกินไป
การกดสิวสามารถทำได้เป็นครั้งคราว แต่ไม่ควรพยายามกดออกให้มากทั้งหมดในครั้งเดียว เพราะการกดสิวบ่อยๆ อาจทำให้โพรงขน (Hair follicle) ซึ่งเป็นที่อยู่ของรากผม และต่อมไขมัน เกิดความเสียหายได้ ทำให้มีโอกาสสูงที่จะเกิดการอักเสบ เกิดเป็นรอย สิวมีโอกาสขึ้นได้ง่ายในอนาคตค่ะ
-
การฉีดสิวทำให้ผิวอ่อนแอ
การฉีดสิวไม่ใช่วิธีการรักษาสิวที่ต้นเหตุ เนื่องจากเป็นเพียงการใช้สเตียรอยด์ผสมยาชาเพื่อระงับ หรือลดอาการอักเสบของสิว ทำให้สิวยุบตัวเร็วขึ้น แต่การฉีดสิวมีข้อเสียที่ทำให้ผิวบริเวณที่ฉีดเสียหายได้ ซึ่งทำให้สิวมักขึ้นซ้ำบริเวณเดิมๆ การฉีดสิวควรฉีดเฉพาะกรณีที่จำเป็นจริงๆ เช่น สิวอักเสบรุนแรง สิวหัวช้าง ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น
การรักษาลักษณะนี้ มักเป็น 1 ในสาเหตุที่ทำให้สิวเกิดเป็นวงจรเรื้อรัง เพราะไม่ว่าอย่างไร สิวอุดตันก็จะเกิดขึ้นมาเรื่อยๆ กดออกยังไงก็ไม่มีทางหมด เมื่อกดมากๆ จึงทำให้โพรงขนบนผิวผิดปกติ เกิดการอักเสบได้ง่ายในอนาคตค่ะ
สิวเรื้อรัง รักษาต่างจากสิวปกติอย่างไร?
การรักษาสิวเรื้อรัง ควรมีการซักประวัติให้ชัดเจนก่อนการรักษา โดยเฉพาะประวัติการรักษาสิวในอดีต เพื่อให้แพทย์สามารถวินิจฉัยสาเหตุของสิวได้ชัดเจน โดยทั่วไปอาจพิจารณาจากปัจจัย เช่น ยากินรักษาสิวที่เคยใช้ ลักษณะของสิวที่เป็น หรือสังเกตว่าอะไรเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดสิวซ้ำๆ เพราะแม้แต่อาหารก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวได้
เครื่องมือที่ใช้ในการรักษา อาจคล้ายกับการรักษาสิวปกติ แต่จะต่างกันไปในรายละเอียดของแต่ละบุคคล เช่น ปริมาณยาที่ใช้ ความถี่ในการติดตามผล หรือพลังงานที่ใช้ในการทำเลเซอร์เป็นต้นค่ะ
การดูแลตัวเองเมื่อเป็นสิว
การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการควบคุมสิวเรื้อรัง เช่น
- การทำความสะอาดผิวหน้า โดยล้างหน้าอย่างอ่อนโยนวันละ 2 ครั้ง ด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว
- หลีกเลี่ยงการกดสิว ฉดสิวเป็นประจำ ควรรักษาสิวที่ต้นเหตุ ฟื้นฟูสุขภาพผิวให้แข็งแรง
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดสิว เช่น การสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ การแกะ เกา หรือบีบสิว
- หลีกเลี่ยงแสงแดด ฝุ่นละออง หรือมลภาวะที่ก่อให้เกิดสิว
- การรักษาสุขภาพร่างกาย และจิตใจ พักผ่อนให้เพียงพอ การอาหารที่มีประโยชน์ ดื่อน้ำให้มาก จะช่วยให้ผิวสุขภาพดี ลดการเกิดสิวได้
สรุปสิวเรื้อรัง ป้องกันอย่างไร?
เราควรรักษาสิว ควบคู่กับการดูแลผิวให้แข็งแรง เลี่ยงการฉีดสิวให้น้อยที่สุด การหลุดออกจากวงจร กด-ฉีด-กินยา จะช่วยให้ผิวกลับมาเป็นปกติ และลดโอกาสที่สิวจะอักเสบต่อไปในอนาคตได้ระยะยาว
หากเป็นสิวมาก แล้วรักษาเองไม่หาย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุ เพราะแต่ละคนอาจมีสาเหตุของการเกิดสิวที่ต่างกัน ทั้งปัยจัยในเรื่องสภาพผิวโดยกำเนิด ฮอร์โมน ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ เป็นต้นค่ะ
บทความอ้างอิงที่เกี่ยวการรักษาสิวเรื้อรัง
Acne Treatments โดย Medpark Hospital
Acne Chronic Disease โดย Pubmed.ncbi
Acne: Types, Causes, Treatment & Prevention โดย Cleveland Clinic