ปัญหาที่สร้างความเดือดร้อนให้กับคนไข้ ทำให้ธุรกิจความงามถูกมองในแง่ลบ จนหลายคนกลัวการเข้าคลินิกไปเลย บทความนี้เราจะมาตีแผ่ความจริงให้เห็น ว่าการยัดคอร์สมีวิธีการแบบไหนบ้าง และเราจะป้องกันไม่ให้เสียรู้คลินิกเหล่านี้ได้อย่างไร
ปัญหาการยัดคอร์สความงาม
หลายปีมานี้ธุรกิจที่เกี่ยวกับความงาม มีการเติบโตที่สูง หลายคลินิกเมื่อต้องการสร้างผลกำไร จึงมีการว่าจ้างเซลล์มาขายคอร์สอย่างจริงจัง เมื่อบวกกับการกดดันในสภาวะการแข็งขันที่สูง เกิดการเล่นแง่ด้วยวิธีต่างๆ ภาระจึงตกมาที่ผู้บริโภค มักจบลงที่การซื้อคอร์สเกินความจำเป็น รวมถึงประสบการณ์ที่ไม่ดีต่างๆ จากการเข้าคลินิก
การยัดคอร์สเสริมความงาม คือ การพยายามบังคับ หรือโน้มน้าวให้ลูกค้าซื้อคอร์ส โดยอาจใช้วิธีการต่างๆ เช่น การพูดจาโน้มน้าว การแสดงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาผิวของลูกค้า และเร่งการตัดสินใจด้วยวิธีต่างๆ จนลูกค้ารู้สึกอึดอัดใจที่จะปฏิเสธ
รูปแบบกลลวงของการยัดคอร์ส
คลินิกที่มีพฤติกรรมในการยัดเยียดคอร์สการรักษา มักมีลักษณะที่คล้ายกัน ดังนี้
1. ดึงดูดด้วยโปรโมชั่นราคาถูก
มักเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อจูงใจ แต่เมื่อเข้าไปแล้วจะพบข้อแม้ต่างๆ ตามมา รวมถึงเป็นการเปิดโอกาสให้พนักงานขาย ใช้คำพูดหว่านล้อม หลอกล่อให้ซื้อคอร์สที่มูลค่าสูงตามมาโดยไม่จำเป็น
2. ไม่ได้พบหมอจนกว่าจะซื้อคอร์ส
เพราะโดยทั่วไปหัตถการต่างๆ สุดท้ายแล้วแพทย์จะเป็นผู้ดูแลรักษาให้กับเรา แพทย์จึงเป็นผู้ที่จะวินิจฉัยสิ่งที่จะเหมาะสมกับเราได้ดีที่สุด อีกทั้งยังทำให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ว่ายังอยากรับการรักษากับแพทย์ผู้นั้นหรือไม่
ลองคิดว่า หากเราไปหาหมอที่โรงพยาบาลด้วยอาการต่างๆ คงเป็นเรื่องแปลกที่จะต้องเจอเซลล์มาแนะนำขายยา ขายคอร์ส ก่อนจะได้พบหมอ
3. เจอหมอขายหนักกว่าเซลล์
หลายคนคิดว่า ไม่อยากคุยกับพนักงาน ได้ปรึกษาหมอจะได้ไม่ถูกขาย แต่ไม่ใช่เลย กลายเป็นหมอขายหนักกว่า เร่งให้ตัดสินใจทันที และยิ่งให้คำปรึกษานานๆ ทำให้ไม่กล้าปฏิเสธเพราะเกรงใจหมอ แล้วพอปฏิเสธไป หมอกลับแสดงออกว่าไม่พอใจ สร้างความรู้สึกที่แย่ขึ้นไปอีก
ความจริงแล้ว ผู้รับบริการควรได้โอกาสในการตัดสินใจหลังรับคำแนะนำ รวมถึงควรแยกให้ออกว่า ผู้ที่แนะนำเรา เค้าหวังแค่เงิน หรือหวังให้เราดีขึ้นจากปัญหาที่มีด้วยความจริงใจ เพราะคนไข้ก็มีสิทธิ์ในการเลือกหมอเช่นกัน
4. กดดันให้ตัดสินใจทันที
เรียกง่ายๆว่า “เร่งปิดการขาย” โดยอาจบอกว่าเป็นราคาพิเศษเฉพาะวันนี้ หรือใช้วิธีต่างๆ ในการกดดัน และไม่ปล่อยให้เราออกไปง่ายๆ ซึ่งสร้างความรู้สึกที่ไม่ดีแก่ผู้รับบริการ
ทุกคอร์สการรักษาใดๆ คนไข้ควรเป็นผู้ได้ตัดสินใจด้วยตนเอง จากความเหมาะสม โดยไม่มีสภาพแวดล้อมมากดดันให้อึดอัด ไม่ควรยอมให้ถูกใช้ประโยชน์จากความขี้เกรงใจ
หลายปีมานี้ มักพบบูธความงามตามห้าง ใช้วิธีดึงเข้าร้าน หรือเป็นฝ่ายเดินเข้าหาลูกค้า เพื่อยื่นข้อเสนอ เชิญชวน หว่านล้อม สร้างความอึดอัดแก่ผู้ที่ผ่านไปมา ภาพจากสำนักข่าวผู้จัดการออนไลน์
มีคนไข้เล่าให้หมอฟังว่า เค้าไปเดินห้าง และถูกเซลล์เข้ามาประชิด พูดจาหว่านล้อม ให้ช่วยลงชื่อร่วมกิจกรรม เอา Voucher มาล่อ รู้ตัวอีกทีก็ถูกดึงเข้าไปในร้าน แม้จะพูดปฏิเสธอย่างไรก็ยังถูกตื้อ มารุมกันหลายคน รู้สึกอึดอัดใจมากๆ จนต้องยอมคล้อยตามไป
ถึงตอนที่ใช้บริการ ก็ยังมาแนะนำให้ซื้อเพิ่มอีก สุดท้ายทนไม่ไหวขอยอมทิ้งคอร์สไปเลย
ควรทำอย่างไร เมื่อถูกยัดคอร์ส
- อย่าเกรงใจที่จะปฏิเสธ หากยังถูกโน้มน้าวหรือบีบบังคับมากเกินไป ให้ลุกเดินออกทันที ไม่ควรเสียเวลาเจรจา
- ถามความชัดเจนในคอร์สการรักษา และดูว่าเป็นสิ่งที่เราต้องการจริงๆ หรือไม่
- ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคลินิก และแพทย์ เพื่อดูลักษณะวิธีให้บริการก่อนเข้าไป
- หากพบการกระทำใดๆ ที่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค ให้ร้องเรียนไปยัง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)
อ่านเรื่องกลโกง การลดต้นทุนคลินิก
นอกจากการยัดคอร์สแล้ว คลินิกที่ไม่ดีจะหาทางเอาเปรียบผู้บริโภค โดยการลดต้นทุนต่างๆ การสร้างภาพลวงสร้างความน่าเชื่อถือ หรือเอาของไม่มีคุณภาพมาขาย
สรุปก่อนเข้าคลินิก ควรทำอย่างไร
การรับบริการด้านความงามจากคลินิกที่ดี สามารถช่วยให้เรามีสุขภาพผิว ความอ่อนเยาว์ และมีความมั่นใจขึ้นได้จริงในเวลาอันรวดเร็ว แต่ผู้รับบริการควรศึกษาข้อมูลก่อนเข้าคลินิกใดๆ ดีที่สุดคือ สอบถามคนรู้จักที่เคยไป ไม่ดูที่ราคาเพียงอย่างเดียว รวมถึงหาข้อมูลของการรักษาที่เราสนใจจริงๆ
เพื่อให้ผู้รับบริการ ได้ผลการรักษาที่เกิดประโยชน์สูงสุด ตรงกับปัญหาของเราจริงๆ สร้างความรู้สึกที่ดีกับตนเอง มีความมั่นใจ คุ้มค่ากับบริการที่จ่ายไปค่ะ