ไขมันในช่องท้อง นอกจากปัญหาเรื่องความสวยงามแล้ว มักแฝงมาด้วยปัญหาสุขภาพต่างๆ เพราะไขมันจะไปเกาะอยู่ตามอวัยวะภายใน ขัดขวางการทำงานของเซลล์ในร่างกาย บทความนี้ หมอจะมาแนะนำวิธีลดไขมันแต่ละแบบ และการดูแลปัญหาไขมันส่วนเกินกันค่ะ
ไขมันในช่องท้อง และไขมันใต้ผิว ต่างกันอย่างไร
ร่างกายของคนเรามีวิธีการสะสมไขมัน เพื่อเป็นพลังงานสำรองที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับช่วงวัย และสรีระแต่ละบุคคล ผู้หญิงมักมีไขมันสะสมบริเวณต้นขา บั้นท้าย ต้นแขน ส่วนผู้ชายมักมีไขมันสะสมบริเวณพุง หรือหน้าท้อง เป็นต้น
ไขมันในร่างกายสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ
- ไขมันใต้ผิว (Subcutaneous Fat) เป็นไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนังส่วนบน สามารถมองเห็นได้ (บีบ-สัมผัสได้) ช่วยปกป้องอวัยวะภายในจากแรงกระแทก และช่วยรักษาอุณหภูมิร่างกายให้คงที่
- ไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) เป็นไขมันที่พบภายในช่องท้องรอบอวัยวะสำคัญ เช่น หัวใจ ตับ และไตไขมันในช่องท้องส่งผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าไขมันใต้ผิว เนื่องจากอาจแทรกซึมเข้าไปในอวัยวะภายใน และส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะเหล่านั้น
วิธีลดไขมันทั้ง 2 ประเภทนี้ มีรายละเอียดที่แตกต่างกัน นอกจากนี้บริเวณที่มีการสะสมของไขมัน จะต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสรีระ และพันธุกรรมโดยกำเนิด
ขอบคุณข้อมูลจาก คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล
เปรียบเทียบ ไขมันในช่องท้อง และไขมันใต้ผิว
ลักษณะ | ไขมันใต้ผิว | ไขมันในช่องท้อง |
---|---|---|
ตำแหน่ง | อยู่ใต้ผิวหนัง | อยู่ภายในช่องท้อง |
การมองเห็น | มองเห็นได้ | มองไม่เห็นจากภายนอก |
ผลต่อสุขภาพ | มีผลน้อย | เสี่ยงเกิดโรค |
สาเหตุ | การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง , การขาดการออกกำลังกาย , ความเครียด และพันธุกรรม | การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง , การขาดการออกกำลังกาย , โรคบางชนิด |
วิธีลด | การทำ BodySculpting , คุมปริมาณอาหาร , Weight Training | การลดน้ำหนัก , ออกกำลังกายแบบ Cardio , การคุมอาหาร , ทำ IF , การใช้ Peptide GLP-1 |
โดยทั่วไป ผู้ที่มีค่า BMI (ดัชนีมวลกาย) สูงกว่า 25 ขึ้นไป มักพบปัญหาไขมันสะสมภายในอวัยวะภายในร่วมด้วย
ผลเสีย ของการมีไขมันในช่องท้องสะสม
ไขมันที่แทรกอยู่ตามอวัยวะภายใน เป็นสาเหตุของโรคอ้วน และโรคแทรกซ้อนต่างๆ เช่น
- โรคเบาหวาน
- โรคหัวใจ
- หลอดเลือดในสมอง
- คอเลสเตอรอลสูง
- โรคหลอดเลือดหัวใจ และอื่น ๆ
พุง ไขมันหน้าท้อง เกิดจากอะไร
พุง เกิดจากไขมันที่สะสมในร่างกายมากเกินไป โดยเฉพาะไขมันในช่องท้อง ซึ่งไขมันในช่องท้องเป็นไขมันประเภทที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าไขมันใต้ผิว เนื่องจากไขมันในช่องท้องอาจแทรกซึมเข้าไปในอวัยวะภายในและส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะเหล่านั้น
พุงสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลักๆ ตามสาเหตุการเกิด ได้แก่
- พุงจากการรับประทานอาหาร เกิดจากการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง การรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง และอาหารแปรรูป ซึ่งอาหารเหล่านี้จะเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมในร่างกายได้อย่างรวดเร็ว
- พุงจากการขาดการออกกำลังกาย เกิดจากการขาดการออกกำลังกาย ซึ่งจะทำให้ร่างกายไม่สามารถเผาผลาญพลังงานและไขมันในร่างกายได้เพียงพอ
- พุงจากความเครียด โดยความเครียดจะกระตุ้นให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งจะเพิ่มการสะสมของไขมันในร่างกาย
เทคโนโลยีลดไขมันแบบเร่งด่วน
ปัจจุบันมีเทคโนโลยีในการลดไขมันใต้ผิวแบบเร่งด่วน โดยการใช้ อุณหภูมิที่เย็นสุดขั้ว (CoolSculpting) หรือ ความร้อนสะสม (WarmSculpting) ในการช่วยให้ไขมันสลายไปได้ โดยในการทำ 1 ครั้ง จะช่วยให้ไขมันสลายไปประมาณ 20-25% ควรทำต่อเนื่องเดือนละ 1 ครั้ง
ทั้งนี้ จะเหมาะกับการลดไขมันส่วนเกินใต้ผิว (ที่หยิบจับได้) ไม่สามารถลดไขมันที่อยู่ตามอวัยวะภายในได้ เหมาะกับผู้ที่มีค่า BMI ไม่เกิน 30 หากมากกว่านี้ การลดน้ำหนัก จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดค่ะ
วิธีลดไขมันในช่องท้อง และไขมันใต้ผิว
- ออกกำลังกายแบบ Cardio อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์
- ควบคุมอาหาร หลีกเลี่ยง อาหารที่มีพลังงาน น้ำตาลสูง และโซเดียมสูง
- การทำ IF (Intermittent Fasting) รูปแบบการรับประทานอาหารที่จำกัดช่วงเวลาในการรับประทานอาหาร
- ควบคุมความเครียด นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- การใช้ Peptide Glp-1 คุมความหิว เพื่อลดน้ำหนัก (ในการดูแลของแพทย์เท่านั้น)
- การใช้เทคโนโลยี เครื่องสลายไขมัน BodySculpting สลายไขมันใต้ผิว เลือกลดได้ทุกจุดที่ต้องการ
เมื่อเรามีการลดน้ำหนัก คุมอาหาร ออกกำลังกาย เวลาไขมันในช่องท้องลดลง จะทำให้ไขมันใต้ผิวลดลงตามไปด้วย แต่จะเป็นการลดแบบเฉลี่ยทั่วร่างกาย ไม่สามารถเลือกที่จะลดบริเวณใดเป็นพิเศษได้ค่ะ
สรุปการลดไขมันในช่องท้อง และไขมันใต้ผิว
การลดน้ำหนัก คือ วิธีการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ช่วยลดทั้งไขมันสะสมในช่องท้อง และไขมันใต้ผิวไปได้พร้อมกันได้ แต่ต้องอาศัยวินัย ความต่อเนื่อง และความตั้งใจที่สูง
หากพยายามด้วยตัวเองแล้วยังไม่สำเร็จ แนะนำให้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ในการร่วมกันวางแผน ใช้เทคโนโลยี หรือยามาช่วย เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์กับแต่ละบุคคลค่ะ