ปัจจุบัน Picosecond Laser เป็นเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแนวทางการรักษาผิว ให้แตกต่างจากอดีต คาดหวังผลการรักษาได้สูงสุด ในความเสี่ยงที่ต่ำ แล้ว Pico Laser ต่างกันยังไง? มีออกมาหลายเครื่อง หลายผู้ผลิต ดังนั้น เราจึงต้องศึกษาข้อมูลก่อนเข้ารับบริการ เพื่อให้ได้รับบริการที่เหมาะสมกับสภาพผิว และปัญหาของเราอย่างคุ้มค่าที่สุด
3 ข้อ Pico Laser ต่างกันยังไง?
เราควรพิจารณารายละเอียด 3 อย่าง ได้แก่
- Pluse Duration (ระยะเวลาการปล่อยพลังงาน)
ยิ่งมีค่าตัวเลขที่น้อยก็จะยิ่งปลอดภัย เพราะจะหมายถึงคลื่นมีความเร็วมากๆ ในการกำจัดเม็ดสีในผิวเกิดการแตกกระจายตัว โดยไม่สะสมความร้อนไว้ที่ผิว - Peak Power (ค่าพลังงานสูงสุดที่เครื่องทำได้)
หากค่านี้ยิ่งมีมาก จะหมายถึงการช่วยแก้ปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุมมากกว่า ใช้จำนวนครั้งการรักษาน้อยกว่า - Wavelenght (ช่วงคลื่นที่สามารถใช้ได้)
การมีหลายช่วงคลื่น จะช่วยแก้ปัญหาผิวได้ดี และครอบคลุมมากกว่าเช่นกัน เนื่องจากปัญหาผิวบางจุดอยู่ในชั้นผิวที่ลึก หากมีช่วงความยาวคลื่นที่ไปไม่ถึงก็จะไม่สามารถแก้ไขปัญหานั้นได้
นอกจาก SPEC ค่าพลังงานของเครื่องแล้ว ความเสถียร ก็เป็นปัจจัยสำคัญ ที่ส่งผลต่อความปลอดภัย และ end point ของผิวในการรักษา ควรพิจารณาจากแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือ และได้รับความนิยม
PicoSure
PicoSure ผลิตโดย บริษัท Cynosure Inc. เป็น Pico ที่มีมาตรฐานสากลในยุคแรกๆ โดยประเทศสหรัฐอเมริกา มีความเร็วในการส่งพลังงานแบบสั้นๆ ช่วยในการแก้ปัญหาผิวหน้าที่มีหมองคล้ำ จุดเด่น คือ มีช่วงแสง 755 nm ที่เหมาะกับการลบรอยสัก รอยดำ ฝ้า อย่างมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะ
PicoWay
PicoWay เป็นเครื่องเลเซอร์ที่ผลิตโดยบริษัท Candela Corporation โดยประเทศสหรัฐอเมริกา PicoWay เป็นเครื่องเลเซอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง มีช่วงแสงการรักษาที่หลากหลาย ในการรักษารอยที่พบได้บ่อยในผิวหนัง เช่น รอยสัก และรอยดำจากสิว โดย PicoWay ใช้เทคโนโลยี Fractional laser ซึ่งจะส่งเสริมกระบวนการผลิตคอลลาเจนภายในผิวหนัง และเป็นเทคโนโลยีที่สามารถทำให้ผิวหนังแข็งแรงขึ้น
DiscoveryPico
Discovery Pico เป็นเครื่องเลเซอร์แบบ Picosecond laser ที่ผลิตโดยบริษัท Quanta System จากประเทศอิตาลี ได้รับความนิยมในประเทศไทย และทั่วโลก มีช่วงแสงที่เหมาะกับผิวคนเอเชีย นิยมใช้โหมด Fractional ในการรักษาหลุมสิว รอยสิว แผลเป็น รูขุมขน เนื่องจากเป็น Pico ที่มีพลังงาน Peak Power สูง และมี Pluse Duration น้อย ทำให้เกิดความร้อนสะสมที่ต่ำ ในขณะที่มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูผิวที่สูง
PicoPlus
Picoplus เป็นเครื่องเลเซอร์ที่ผลิตโดยบริษัท Lutronic ประเทศเกาหลีใต้ เป็น Pico ที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงทางยุโยป ใช้เทคโนโลยี Laser Fractional และ Laser Q-switched ในการส่งพลังงาน ทำให้ผิวหน้าของผู้ใช้เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเซลล์ผิวหนังใหม่ ทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียน สม่ำเสมอ และลดการเกิดริ้วรอย รอยแตก และความหมองคล้ำของผิวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Enlighten III
Enlighten เป็นยี่ห้อเครื่องเลเซอร์แบบ Picosecond laser จากบริษัท Cutera ที่ใช้เทคโนโลยี Dual Pulse ในการส่งพลังงาน มีความแตกต่างจากเครื่องเลเซอร์ Picosecond laser ทั่วไปที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกัน โดยเทคโนโลยี Dual Pulse จะส่งพลังงานแบบสั้น ๆ ไปยังเซลล์ผิวหนัง พลังงานที่ส่งไปจะแยกเป็นสองช่วงเวลาที่แตกต่างกัน และไม่ได้ส่งพลังงานที่มากเกินไปในเวลาเดียวกัน
Pico Laser ตัวไหนดีที่สุด?
เราอาจไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่า Pico Laser เลเซอร์ตัวไหนดีที่สุด เพราะการรักษาขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของผิวผู้รับบริการ และการปรับใช้ในการรักษาของแพทย์ ซึ่งเป็นเทคนิคในแต่ละบุคคล
เบื้องต้น เราสามารถดูจาก “ตัวเลขช่วงแสง” ซึ่งจะเป็นตัวที่บอกว่า แสงนั้นๆ เหมาะที่จะใช้ในการรักษาปัญหาผิวเรื่องใด เช่น
- แสง 565-590 nm (Yellow Light) นิยมใช้ในการรักษาเส้นเลือด สิว รอยแดง
- แสง 520-565 nm (Green Light) นิยมใช้ในการรักษารอยดำ ความหมองคล้ำ
- แสง 755 nm (Infrared) นิยมใช้ในการลบรอยสัก ฝ้า
- แสง 1064 nm (Infrared) ใช้ฟื้นฟูผิวชั้นลึก จากพลังงานที่ลงลึกสูงสุด
ขอบคุณภาพประกอบจาก Researchgate
อันตรายจาก Pico Laser ปลอม
ผู้รับบริการ Pico Laser ไม่ควรพิจารณาจากราคาถูกเป็นที่ตั้ง เพราะปัจจุบันมี Pico ปลอม ที่เลียนแบบหน้าตาของ Pico ชื่อดังอยู่ในตลาดจำนวนมาก รวมถึงการใช้ชื่อ ” Pico ” โดยที่พลังงานที่ออกมา ไม่ใช่ Picosecond จริงๆ นอกจากจะไม่ได้ผลแล้ว ยังเป็นอันตรายอย่างมาก อาจเกิดรอยดำ ผิวไหม้หลังทำได้ เพราะไม่สามารถคาดเดาพลังงานที่จะลงสู่ผิวของเราได้เลย
สรุป แนวทางสำหรับผู้ที่สนใจทำ Pico Laser
เมื่อเข้าใจความแตกต่างของ Pico Laser แต่ละเครื่องแล้ว ก่อนเข้ารับบริการที่คลินิกใดๆ เราควรพิจารณาปัญหาผิวที่เรากังวลมากที่สุด สอบถามเจาะจงถึงรุ่นเครื่อง Pico Laser ที่คลินิกนั้นๆ เลือกใช้ ทำความเข้าใจถึงผลข้างเคียง และการดูแลตนเองหลังการรักษา