เลือกหน้า

ริ้วรอยก่อนวัย 2 ประเภท คุณเป็นแบบไหน?

เมื่อรู้ทันต้นเหตุของริ้วรอย ก็สามารถรักษา หรือชะลอให้ผิวที่สดใสอยู่กับเราไปได้อีกยาวนาน จึงชวนมาทำความรู้จักกับริ้วรอยทั้ง 2 ประเภท ทั้งสาเหตุ และวิธีแก้ไขกันค่ะ

คุณหมอสรุปให้สั้นๆ

  • ริ้วรอย แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ Static / Dynamic
  • มีทั้งเกิดจากการขยับของกล้ามเนื้อ และเกิดได้เมื่อผิวเสื่อมสภาพ
  • ควรรีบรักษาริ้วรอยแต่เนิ่นๆ เพราะจะรักษาได้ง่ายกว่าปล่อยทิ้งไว้
3 ท่า วิธีเช็คการแสดงสีหน้า ก่อนฉีด Botox

3 ท่า วิธีเช็คการแสดงสีหน้า ก่อนฉีด Botox

ริ้วรอย เกิดจากอะไร?

ริ้วรอย คือ ร่อง หรือเส้น ที่เกิดขึ้นบนผิวหนังของเรา พบได้ในจุดที่มีการขยับบ่อยๆ ซึ่งจุดที่เป็นปัญหาหนักใจ และเรามักจะสังเกตเห็นได้ง่าย คือ บริเวณใบหน้า เมื่อเกิดริ้วรอยแล้ว ควรรีบรักษาแต่เนิ่นๆ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ร่องริ้วรอยจะลึกขึ้น และรักษาได้ยาก

ริ้วรอย ไม่จำเป็นต้องรอให้อายุมากก็เกิดได้ ซึ่งจะเรียกว่า ริ้วรอยก่อนวัย

ริ้วรอยจากผิวเสื่อมสภาพไปตามวัย

เมื่อรู้ทันต้นเหตุของริ้วรอย ก็สามารถรักษา หรือชะลอให้ผิวที่สดใสอยู่กับเราไปได้อีกยาวนาน แต่ริ้วรอย 2 แบบนี้ แม้มีลักษณะคล้ายกัน แต่วิธีรักษาต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ริ้วรอย ทั้ง 2 ประเภท

โดยทั่วไป เราสามารถแบ่งริ้วรอย ออกได้เป็น 2 ประเภท

1.Static Wrinkles

คือ ริ้วรอยที่เกิดขึ้นการเสื่อมสภาพของผิว ถึงแม้ไม่แสดงสีหน้า ก็มักเห็นเป็นเส้นเล็กๆ เมื่อคนเราอายุเยอะขึ้นคอลลาเจนใต้ผิวจะเริ่มเสื่อมสภาพลงทุกปี เนื่องจากคอลลาเจนเป็นตัวพยุงให้ผิวของเราคงรูป มีความเด้ง และอ่อนเยาว์ นอกจากนี้การขาดการบำรุงก็เป็นตัวเร่งให้ผิวเสื่อมสภาพเช่นกัน

สามารถแก้ไขได้ด้วย Filler หรือ การทำเลเซอร์ที่กระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว เช่น Ulthera หรือเลเซอร์ในกลุ่มคลื่นวิทยุ RF

2.Dynamic Wrinkles

คือ คือริ้วรอยที่เกิดจากการขยับของกล้ามเนื้อบนใบหน้า เช่น เส้นหางตา (ตีนกา) ร่องหน้าผาก รอยย่นระหว่างคิ้ว เป็นต้น ริ้วรอยลักษณะนี้จะเกิดเมื่อเราแสดงสีหน้า เวลายิ้ม เลิกคิ้ว หากปล่อยไว้นาน สามารถกลายเป็น Static Wrinkles ถาวรได้

สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดโบลดริ้วรอย โดยลดการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณนั้นๆ เห็นผลได้ไว และฉีดซ้ำได้ทุก 4-6 เดือน

ริ้วรอย 2 ประเภท wrinkle static and dynamic

เมื่อรู้ทันต้นเหตุของริ้วรอย ก็สามารถรักษา หรือชะลอให้ผิวที่สดใสอยู่กับเราไปได้อีกยาวนาน แต่ริ้วรอย 2 แบบนี้ แม้มีลักษณะคล้ายกัน แต่วิธีรักษาต่างกันอย่างสิ้นเชิง

แสงแดด เป็นตัวเร่งการเกิดริ้วรอยที่สำคัญที่สุด มีงานวิจัยที่เปรียบเทียบผิวที่ถูกแสงแดดต่อเนื่องเป็นประจำ แสดงให้เห็นความเสื่อมสภาพของผิว หรือผิวที่แก่ก่อนวัยอย่างชัดเจน

การหลบเลี่ยงแสงแดด และทาครีมกันแดดเป็นประจำเมื่อต้องออกแดดเป็นเวลานาน จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดในการชะลอการเกิดริ้วรอย

พญ.ณิชกุล แก้วกิตติคุณ

ฝาแฝดฉีด botox

งานทดลองฉีดโบ เปรียบเทียบ กับฝาแฝดต่อเนื่อง 19 ปี

ฉีดโบลดริ้วรอยบ่อยๆ เป็นอันตรายหรือไม่

มีการทดลองฉีดโบ แฝด A / B

  • โดย แฝด B มีการฉีดโบต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลา 19 ปี โดยฉีดบริเวณหน้าผาก ระหว่างคิ้ว หางตา อย่างสม่ำเสมอทุก 3 – 6 เดือน ในขณะที่
  • ส่วนแฝด A ฉีดเพียงเเค่ 2 – 4 ครั้งเท่า นั้นตลอดระยะเวลา 19 ปี 

พบว่า แฝด B มีผิวหน้าเรียบเนียน รูขุมขนกระชับกว่า เเม้เเสดงอาการ เช่น ยิ้ม หรือขมวดคิ้ว ก็ไม่มีริ้วรอย ต่างจากแฝด A มีริ้วรอยชัดเจนที่มากกว่า โดยริ้วรอยนั้น เกิดจากการขยับของกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดเป็นร่องถาวรบนผิว (Static Wrinkle)

สามารถสรุปได้ว่า โบมีฤทธิ์ช่วยเรื่องของลดริ้วรอย ทำให้คุณภาพผิวดีขึ้น เมื่อรักษาสม่ำเสมอ โดยไม่เกิดผลข้างเคียงในระยะยาวที่เป็นอันตราย

วิธีลดเลือนริ้วรอย

  1. หมั่นดูแลผิวสม่ำเสมอ เลือกใช้ Skincare ที่ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นแก่ผิว เพราะผิวที่แห้งจะเกิดริ้วรอยได้ง่ายกว่า รวมทั้งทาครีมกันแดด เมื่อต้องโดนแดดเป็นประจำ
  2. ลดการแสดงสีหน้าเกินจำเป็น
  3. งดการสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์
  4. เลี่ยงการโดนมลภาวะทางอากาศเป็นเวลานาน ในฝุ่นละออง ควันพิษ pm 2.5 มีอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวการทำลายคอลลาเจนของผิวอยู่
  5. ปรึกษาแพทย์ เพื่อดูแล และรับการรักษาที่ตรงประเภทของริ้วรอย จะเห็นผลได้ไวที่สุด

สรุป ปัญหาริ้วรอย 2 ประเภท

ริ้วรอย เกิดจากการเสื่อมของคอลลาเจนใต้ผิว และความหย่อนคล่อยของผิวไปตามวัย โดยเฉพาะริ้วรอยประเภท Static Wrinkles เป็นตัวที่บอกสุขภาพของผิวเราได้ ว่าขาดการดูแลที่เหมาะสมหรือไม่ ส่วน Dynamic Wrinkles มักจะเกิดกับคนที่แสดงสีหน้า เช่นการยิ้มแล้วเกิดเส้นตีนกา หรือเส้นเหนือหน้าผาก ลักษณะนี้สามารถแก้ไขได้ไม่ยากด้วยการฉีดโบค่ะ

โบเยอรมัน

โบเยอรมัน ลดริ้วรอย ไม่เสี่ยงดื้อโบ

พ.ญ.ณิชากุล แก้วกิตติคุณ
WRITTEN BY

พญ.ณิชกุล แก้วกิตติคุณ (หมอนิว)
M.D. Faculty of Medicine, Mahidol University,
MSc. Clinical Dermatology, St. John Institute of  Dermatology,
King’s College London
รู้จักคุณหมอเพิ่มเติม

เผื่อคุณพลาดอะไรไป