เลือกหน้า

C.Acne ในสิวอักเสบ รักษาได้อย่างไร?

สิวอักเสบ ปัญหาที่ไม่รู้จบของคนเป็นสิว หากเรารู้จัก และควบคุมปัจจัยต่างๆได้ จะช่วยให้สามารถรับมือกับปัญหาสิวได้อย่างเหมาะสม ช่วยบรรเทาปัญหาสิวได้ดียิ่งขึ้น

สิวอักเสบ

สิวอักเสบ (Inflammatory acne) คือ สิวอุดตันที่มีแบคทีเรีย C.acne เจริญเติบโตอยู่ในตุ่มสิว โดย C.acne จะดึงดูดเม็ดเลือดขาวเข้ามาในตุ่มสิว กระตุ้นอาการอักเสบบริเวณรูขุมขน และต่อมไขมันใต้ผิวหนัง มักก่อให้เกิดความเจ็บปวดหากสัมผัสโดนบริเวณนั้น และหลังจากที่สิวหายแล้วมักจะทิ้งเป็นรอยแดง

อะไรอยู่ข้างใน สิวอักเสบ

  • หนอง จากเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ
  • เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว เป็นของเสียสะสมอยู่บริเวณโพรงขน เป็นอาหารของแบคทีเรีย
  • ไขมัน (Sebum) ที่อุดตันในโพรงขน มักพบในผู้ชายมากกว่า เพราะฮอร์โมนเพศชายจะกระตุ้นการผลิตน้ำมัน
  • เชื้อแบคทีเรีย C.Acnes จะอาศัย เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ไขมัน เป็นพลังงาน
acne สิว สิวอักเสบ รักษาสิว เกิดจากอะไร

สิวอักเสบ อาจเป็นผลมาจากหลายปัจจัย อย่างพันธุกรรม อาหาร ความเครียด และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ดังนั้นการเป็นสิวจึงไม่ได้หมายความว่า คนนั้นไม่รักษาความสะอาด หรือสกปรก

หรือคุณกำลังรักษาสิวผิดวิธีอยู่?

สิวเรื้อรัง Chronic Acne

C.acne ตัวการก่อให้เกิดสิว

C.acne (Cutibacterium acnes) ชื่อเดิมคือ P.acnes (Propionibacterium acnes) เป็นเชื้อแบคทีเรียที่มีอยู่บนผิว ตามรูขุมขนของคนเราทุกคน แม้ว่าจะไม่มีสิวก็ตาม การมีเชื้อตัวนี้ จะยังไม่ทำให้เกิดสิว จนกระทั้งสมดุลแบคทีเรียบนผิวเรามีการเปลี่ยนแปลง หรือมีปัจจัยไปกระตุ้น

C.acne จะนำแบคทีเรียต่างๆ และเซลล์ที่ตายแล้วในสิวไปเป็นพลังงาน โดยการปล่อยเอนไซม์ออกมาย่อย ซึ่งช่วงระหว่างนี้จะทำให้เกิดการอักเสบของรูขุมขน และสิวได้
c.acne p.acne
สิวอักเสบ มักมีต้นตอจากมาจากสิวอุดตัน ซึ่งเกิดจากการอุดตันของไขมัน และเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว โดย C.acne จะเจริญเติบโตได้ดี เมื่อเกิดไขมันอุดตันในรูขุมขน จึงนำไปสู่กลไกการอักเสบของสิวในข้างต้น

ดังนั้น คนที่มี สภาพผิวมัน จึงมีความเสี่ยงที่จะมีเชื้อ C.acnes และเกิดการอักเสบได้มากกว่าคนทั่วไป 

วิธีการรักษาสิวอักเสบ

รักษาด้วยยาทา

ยาทามักมีผลข้างเคียงทำให้ผิวแห้งลอก ควรแต้มเฉพาะจุดที่จำเป็น ไม่ควรทาทั่วใบหน้า

  1. ยาทาลดสิวอักเสบเป็นตุ่มแดง เช่น 5% เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์
  2. ยาทาปฏิชีวนะช่วยลดสิวอักเสบ เช่น คลินดามัยซิน อิริทโทรมัยซิน
  3. ยาลดสิวอุดตัน เช่น ยาทากรดวิตามินเอ

    รักษาด้วยยารับประทาน

    การใช้ยากินรักษาสิว ไม่ควรทานต่อเนื่องเป็นเวลานาน ใช้ต่อเมื่อแพทย์สั่ง ห้ามซื้อรับประทานเอง

    1. ยาปฏิชีวนะ เช่น Tetracycline, Doxycycline
    2. ยาวิตามินเอสังเคราะห์ ใช้รักษาสิวที่เป็นรุนแรง และไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่นๆ แล้วเท่านั้น เป็นยาอันตรายการใช้ต้องอยู่ในความควบคุมของแพทย์

      รักษาด้วยเลเซอร์

      1. เลเซอร์ในกลุ่มแสงที่จำเพาะการลดการอักเสบของสิว จะช่วยลดการอักเสบ และฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ต้นเหตุ ลดการใช้ยารับประทานได้ดี
      2. เลเซอร์ในกลุ่ม Co2 ยิงเปิดหัวสิว เพื่อเจาะเอาหัวสิวออก ไม่ควรทำทั่วใบหน้า

      สิวแบบไหน ควรปรึกษาแพทย์?

      • หากอาการเป็นมากต่อเนื่อง ควรหยุดยา แล้วปรึกษาแพทย์
      • ลองสังเกตตัวเองว่าปัจจัยใดเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดสิว เช่น SkinCare ที่ใช้ , ฮอร์โมน , สภาพแวดล้อม , อากาศ , อาหารที่รับประทาน หากพบตัวกระตุ้น เราจะสามารถแก้ไขด้วยต้นเองได้ ก่อนปรึกษาแพทย์
      • หลีกเลี่ยงการกดสิว / ฉีดสิว เป็นประจำ
      • สิวแต่ละแบบมักมีสาเหตุ และปัจจัยที่แตกต่างกัน ทั้งอายุ ฮอร์โมน การดูแลผิว ซึ่งการรักษาสิวผิดวิธีอาจส่งผลให้อาการรุนแรงขึ้นได้
      โปรแกรมรักษาสิว Acne Plus

      สรุปสิวอักเสบควรรักษาอย่างไร?

      การรักษาจะมุ่งเน้นไปที่การลดการอักเสบ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และป้องกันการเกิดสิวใหม่ อาจใช้ยาทา ร่วมกับการดูแลผิวหน้าอย่างถูกวิธี เช่น ล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ไม่แกะ เกา หรือบีบสิว หลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดสิว เช่น แสงแดด ความร้อน เครื่องสำอาง

      ในบางรายอาจพิจารณาการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ เช่น การกดสิว การฉีดสิว การทำเลเซอร์ หรือการรับประทานยา เช่น ยาปฏิชีวนะ เป็นต้น สิ่งสำคัญคือการปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อรับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดค่ะ

      พ.ญ.ณิชากุล แก้วกิตติคุณ
      WRITTEN BY

      พญ.ณิชกุล แก้วกิตติคุณ (หมอนิว)
      M.D. Faculty of Medicine, Mahidol University,
      MSc. Clinical Dermatology, St. John Institute of  Dermatology,
      King’s College London
      รู้จักคุณหมอเพิ่มเติม

      เผื่อคุณพลาดอะไรไป