ในปัจจุบัน คนเมืองอย่างเรา แวดล้อมไปด้วยอาหารพลังงานสูง ปัญหาความอ้วนจึงพบได้บ่อยมากขึ้น ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมามากมาย เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น ปากกาลดน้ำหนัก จึงใช้เป็นทางเลือกใหม่ในการควบคุมน้ำหนัก ลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ
ปากกาลดน้ำหนัก คืออะไร
ปากกาลดน้ำหนัก หรือยาฉีดลดน้ำหนัก (Weight Loss Injection) เป็นยาชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์ช่วยลดความอยากอาหาร โดยตัวยาจะออกฤทธิ์คล้ายกับฮอร์โมน GLP-1 (Glucagon-like Peptide-1) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ร่างกายสร้างขึ้นเอง โดยมีหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและลดความอยากอาหาร
กลไกการออกฤทธิ์ของปากกาลดน้ำหนัก แบ่งออกเป็น 2 กลไกหลัก ได้แก่
- ลดความอยากอาหาร โดยตัวยาจะไปกระตุ้นสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความอยากอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น
- ช่วยลดการบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้อาหารที่รับประทานเข้าไปย่อยช้าลง ส่งผลให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น
ปากกาลดน้ำหนัก แตกต่างจากยาลดความอ้วน
- ยาลดความอ้วน ยาจะกดการหิวที่สมอง ยายับยั้งเอนไซม์ย่อยไขมัน แต่พบว่า ผลเสียของยาลดความอ้วนในกลุ่มที่กดสมอง ทำให้ไม่อยากรับประทานอาหาร จะทำให้หัวใจเต้นเร็ว บีบตัวแรง ความดันโลหิตเพิ่ม รบกวนระบบหายใจ นอนไม่หลับ กระวนกระวาย ประสาทหลอน ติดยา และโยโย่หรือกลับมาอ้วนซ้ำได้
- การใช้ปากกาลดน้ำหนัก เพียงทำให้ผู้ที่ได้รับยากินอาหารได้น้อยลง โดยไม่ส่งผลกดการทำงานของสมอง หรือทำให้ติดยาแต่อย่างใด
ช่วยลดน้ำหนักได้จริงไหม
ปากกาลดน้ำหนัก ได้รับการรับรองจาก องค์การอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอเมริกา ว่ามีประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักโดยสามารถช่วยให้น้ำหนักลดลงได้ประมาณ 5-10% ภายในระยะเวลา 6 เดือน (แล้วแต่บุคคล)
เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป มีค่า BMI น้ำหนักตัวเกินกว่าเกณฑ์มาตรฐาน หรือมีน้ำหนักตัวมากเกินไปจนส่งผลเสียต่อสุขภาพ
ใครเหมาะกับการใช้ปากกาลดน้ำหนัก
- มีน้ำหนักเกิน (Overweight) : BMI 25.0-29.9
- ผู้มีภาวะโรคอ้วน (Obesity) : BMI 30.0 ขึ้นไป
- พยายามลดน้ำหนักด้วยตัวเองแล้ว แต่ยังไม่ได้ผล
- เป็นผู้มีปัญหาในโรคที่เกี่ยวข้องกับภาวะน้ำหนักเกิน เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เป็นต้น
- อายุ 18 ปีขึ้นไป ไม่อยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
ข้อควรระวังในการใช้ปากกาลดน้ำหนัก
ปากกาลดน้ำหนักจัดเป็นยาควบคุมพิเศษ ซึ่งหมายความว่า ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจเกิดผลข้างเคียงอันตรายได้หากใช้ไม่ถูกต้องหรือในผู้ที่ไม่เหมาะกับการใช้ยา เช่น ผู้ที่แพ้ตัวยาหรือส่วนประกอบของยา ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้ที่เป็นโรคตับหรือไต ผู้ที่เป็นโรคหัวใจหรือโรคหลอดเลือดสมอง
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากปากกาลดน้ำหนัก
- อาการคลื่นไส้ อาเจียน (พบได้บ่อยในช่วงแรก)
- ท้องเสีย
- ปวดศีรษะ
- เหน็บชา
- ปวดกล้ามเนื้อ
ผลข้างเขียงมักเกิดขึ้นในช่วงแรกหลังการใช้ยา และจะค่อยๆ ลดลงเมื่อร่างกายปรับตัวได้ประมาณ 1 สัปดาห์ หากใช้อย่างถูกต้องภายใต้การดูแลของแพทย์ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงได้
ปากกาลดน้ำหนัก ราคาเท่าไหร่?
ราคาของปากกาลดน้ำหนัก ขึ้นอยู่กับชนิดที่ใช้ รายละเอียดการรักษา และการดูแลของแต่ละสถานพยาบาลนั้นๆ โดยเฉลี่ยสำหรับระยะเวลา 1 เดือน จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 10,000-15,000 บาท
สรุปการลดน้ำหนัก โดยใช้ปากกาลดน้ำหนัก
สิ่งสำคัญที่สุดอยู่ที่การใช้ชีวิตประจำวันของเรา ปรับพฤติกรรมการกินให้ดี ควบคู่ไปกับการเลือกออกกำลังกายอย่างเหมาะสม จะช่วยให้ควมคุมน้ำหนัก และรักษาสุขภาพที่ดีได้ในระยะยาว
การใช้ปากกาลดน้ำหนัก ควรมองว่าเป็นตัวช่วย หรือทางเลือก ในการเสริมประสิทธิภาพ เพื่อสร้างวินัยให้คุมการลดน้ำหนักได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยมีข้อแม้ว่า จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ตลอดการใช้ยา ไม่ควรซื้อมาใช้เองโดยเด็ดขาด